จากกรณีเกิดเหตุสลด นางสมสมัย อายุ 36 ปี กินยาฆ่าแมลง พร้อมลูกสาว 2 คน วัย 1 ขวบครึ่ง และ 5 ขวบ ที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่ 12 บ้านหนองยารักษ์ ต.พุดซา อ.เมือง จ.นครราชสีมา จนเป็นเหตุทำให้นางสมสมัย และลูกสาววัย 1 ขวบครึ่ง เสียชีวิตในภายในบ้าน ส่วนลูกสาววัย 5 ขวบ ได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน และได้ถูกนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โดยจากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุยังพบว่า นางสมสมัยนั้นได้เขียนจดหมายสั่งเสียไว้ 1 ฉบับ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันที่ 9 พ.ย. ที่ศาลาบำเพ็ญกุศล ภายในวัดบ้านหนองยารักษ์ ต.พุดซา อ.เมือง จ.นครราชสีมา บรรดาญาติๆ ของผู้เสียชีวิต พร้อมด้วยชาวบ้าน ได้มารวมตัว เพื่อประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลศพตามประเพณี โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ขณะเดียวกันก็ได้มีการตั้งโลงศพของผู้เป็นแม่ และลูกน้อย บรรจุอยู่คู่กัน พร้อมกับตั้งกระถางธูปด้านหน้าโลงศพ เพื่อให้ผู้มาร่วมงานจุดธูปไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย นอกจากนี้บรรดาญาติๆ ยังได้มีการทยอยนำพวงหรีดจากญาติมิตร มาไว้ที่บริเวณหน้าโลงศพ เพื่อแสดงความไว้อาลัยด้วย
ทั้งนี้จากการสอบถามนางเม่า (นามสมมติ) ซึ่งเป็นญาติของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ครอบครัวนี้มีทะเลาะกันบ้าง แต่ไม่ถึงกับทำร้ายร่างกาย ซึ่งเหมือนกับครอบครัวทั่วไป ไม่มีวี่แววว่าจะเกิดเหตุโศกนาฏกรรมเช่นนี้ขึ้น เนื่องจากเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะ แต่ช่วงหลังๆ ได้แยกกับสามีอยู่ ซึ่งสามีได้ไปเปิดร้านเกมที่ ต.จอหอ อ.เมืองนครราชสีมา ปล่อยให้ภรรยาอยู่กับลูก 2 คน ส่วนพ่อ แม่ ของภรรยาก็เสียชีวิตไปหมดแล้ว
ขณะที่สาเหตุของการตัดสินใจฆ่าตัวตายในครั้งนี้ ตนยังไม่ทราบแน่ชัด แต่คาดว่าจะเกิดจากความน้อยใจที่สามีทิ้งไป ตามที่ได้เขียนจนหมายสั่งเสียไว้ก่อน ทั้งนี้เมื่อตนทราบข่าวว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ก็รู้สึกเสียใจมากที่หลานต้องมาเสียชีวิต และสงสารหลานอีกคนที่ต้องมากำพร้าแม่ตั้งแต่ยังเด็ก ส่วนการฌาปนกิจศพนั้น ทางญาติๆ เห็นว่าควรจะฌาปนกิจในวันพุธที่ 11 พ.ย.นี้ โดยจะฌาปนกิจผู้เป็นแม่ก่อน หลังจากนั้นก็จะฌาปนกิจลูกสาวตาม
ขณะที่อาการของเด็กหญิง บุตรสาวนางสมสมัยอีกคน วัย 5 ขวบ ที่รอดชีวิต แต่ต้องกำพร้าแม่นั้น ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เนื่องจากได้รับประทานยาฆ่าแมลงไป อาการล่าสุดพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่แพทย์ยังคงให้พักรักษาตัวทอยู่ที่ห้องผู้ป่วยรวมชั้น 5 อาคารการไฟฟ้าฯ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เพื่อสังเกตอาการ
ทีมา => http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1447045307
0 comments: